วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หุ้น ปริมาณซื้อขายกับการเก็งกำไร

หุ้น สอนเล่นหุ้น





การเก็งกำไรให้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
ก็คือ ซื้อแล้ว ราคาหุ้นต้องสูงกว่าเดิม


คำถามคือ ราคาหุ้นเพิ่มได้ เพราะอะไร
คำตอบคือ มีการ "ซื้อขาย" อย่างคึกคัก
เพราะถ้าไม่มีการซื้อขาย
ราคาหุ้นจะนิ่ง เป็นก้อนหิน
ปริมาณซื้อขาย จึงเหมือน แบตเตอรี่
ที่ผลักดันราคาหุ้นให้พุ่งทะยาน
ไปทางใด ทางหนึ่ง


เวลาที่เหมาะแก่การเก็งกำไร
กำไรง่าย มีโอกาสชนะสูง
คือช่วงที่มีปริมาณซื้อขาย (Volume) มาก
เพราะมีเม็ดเงิน มาผลักดันราคาหุ้นมาก
เปรียบเหมือนตกปลาใน "วังมัจฉา"
แม้ใช้เครื่องมือสุดแสนธรรมดา
ก็ได้ปลาเต็มกระซัง
เพราะมีปลาชุกชุม


กลับกัน หากตกปลาในน้ำที่ว่างเปล่า
ต่อให้มีเครื่องมือขั้นเทพ
ก็เป็นเรื่องลำบากสุดแสนนัก
ที่จะได้ปลาเป็นกอบเป็นกำ
เพราะไม่มีปลา
แล้วเครื่องมือขั้นเทพ จะจับปลาจากไหน ??


การเก็งกำไรก็เหมือนกันครับ
การเก็งกำไรในช่วงที่ปริมาณซื้อขายน้อย
ตลาดหุ้นเงียบเหงาเป็นป่าช้า
ก็เหมือนตกปลาในน้ำที่ว่างเปล่า
ต่อให้มี indicator ชั้นครู
ก็ยากที่จะมีกำไรอู้ฟู่
เพราะไม่มีเม็ดเงินมาผลักดันราคาหุ้น
ส่งผลให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ ไม่เพิ่ม
ออกทางลดลงด้วยซ้ำ









ดังนั้นกลยุทธที่เหมาะสม (26/12/57)
ในช่วงที่ปริมาณซื้อขาย (Volume) น้อย
คือ ถือเงินสด รอดูสถานะการณ์
รอเมื่อลมพัดหวน ปริมาณซื้อขายมาอีกครั้ง
จึงพิจารณาอีกทีครับ



#นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน
Read More »

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สอนเล่นหุ้น- 7 นิสัยที่ทำให้คุณไม่รอดในตลาดหุ้น

หุ้น นักเก็งกำไร


ไม่รอด1 : เล่นหุ้นทุกแนว

เป็นผู้รับเหมา คือ เอามันทุกอย่าง
เก็งกำไรระยะสั้น เล่นรอบ ลงทุนระยะยาว
รู้ทุกอย่าง แต่ผิวเผิน ไม่แตกฉานสักเรื่อง

ไม่รอด2 : สนแต่ "ชื่อหุ้น"

เวลาไปสัมนา หรือ อบรม
จำได้แต่ "ชื่อหุ้น" ที่บอกตอนท้าย
ไม่สนใจเหตุผลว่าทำไม
ซื้อขายเมื่อไหร่

ไม่รอด3 : มีหุ้นมากเกินไป

มีหุ้น 30-40 ตัวในพอร์ต
ตัวไหนใครว่าดี กวาดเรียบ
ผลคือ พอร์ตไม่เติบโต
เพราะแม้บางตัวขึ้นเยอะ
แต่มูลค่าน้อยเกินไป

ไม่รอด4 : เป็นMessenger

คือผู้กระจายข่าว
โดยไม่คิด ไม่ไตร่ตรอง
เมื่อได้หุ้นเด็ดหรือข่าวลือ
ก็โพทะนา ทาง Facebook หรือ Line
สุดท้ายจบลงด้วย 
ตัวเองซื้อหุ้นตาม "ข่าวลือ" นั่น

ไม่รอด5 :แต่งงานกับพี่ "วินัย"

คือ Cutloss ทุกวัน บางช่วงวันละ 3 ครั้ง
เล่นหุ้นแทบไม่เคยเห็นกำไร
Cutloss บ่อยเกินไป สะท้อนว่า
ต้องแก้ไขเรื่อง วิธีเลือกหุ้นและจังหวะซื้อขาย
แต่ไม่เคยสนใจ ใช้วิธีเดิมๆ

ไม่รอด6 : เป็นผู้กล้า

เป็นอัศวินผู้ออกรบโดยไม่สวมเกราะ
ไม่กลัวและไม่ร้จัก "ความเสี่ยง"
ไม่เคยแบ่งไม้ซื้อ จัดเต็มทุกครั้ง
ผลคือ แม้คุณจะเก่งกล้าสามารถขนาดไหน
แต่เมื่อพลาดครั้งเดียว คุณจะเจ็บหนัก
อาจถีงขั้นหายนะ

ไม่รอด7 : เชื่อดวง

คิดว่าเล่นหุ้นคืออยู่ที่ดวง
วันไหนโชคดีก็กำไร
หากโชคร้ายก็กระเป๋าฉีก
ฝากเงินไว้กับโชคชะตา
แต่ความจริง ผู้โชคดีที่สุดในตลาดหุ้น
คือผู้ที่ทำงานหนักที่สุด
พวกเขาไม่เชื่อดวง แต่เชื่อเรื่องวางแผนและลงมือทำ

----------

ที่มาข้อมูล : คุณณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์
เรียบเรียง : นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน


Read More »

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หุ้น ICHI : วิธีดูการ"เก็บหุ้น" ของรายใหญ่




มีพี่น้องถามว่า

ติด ICHI เอาไงดี

เมื่อดูกราฟราคาหุ้น ICHI

พบว่า 2 เดือนผ่านมา

ทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่อง

MACD < 0 มาก

สะท้อนว่า หุ้น ICHI อยู่ในแนวโน้มขาลง

ตามทฤษฎี หุ้นตัวใดเป็นขาลง

ราคาก็จะลงไปเรื่อยๆ

จนกว่าจะไม่ลงแล้ว

โดย ณ ปัจจุบัน (27/10/57)

ยังไม่มีสัญญาณว่า สถานะการณ์จะดีขึ้น

จึงสรุปว่า ICHI มีโอกาสลงต่อ มากกว่าขึ้นครับ


หุ้น นักเก็งกำไร trend following
กราฟราคาหุ้น ichi (27/10/57)


------------


คำถามคือ มันจะลงถึงเมื่อไหร่

คำตอบคือ จนถึงจุดที่ นักลงทุนรายใหญ่หรือ มหาชน

เห็นว่า ราคาไม่แพง คุ้มค่า

จึงทุ่มเงินเข้าซื้อ

ซึ่งของสิ่งใดที่ความต้องการเพิ่มขึ้น

ราคาจะเพิ่มขึ้น ไม่ลดลง



แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า

รายใหญ่เก็บของ ตอนไหน ??

วิธีการคือ ดูที่กราฟราคา

จะปรากฎ ร่องรอย” 3 อย่าง คือ

1.    ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นแบบมหาศาล

2.    มีแรงซื้อเข้ามาก (Buy > Sell)

3.    ราคาหุ้นเป็นแท่งเขียวยาว

ตัวอย่างเช่น หุ้น ICHI วันที่ 14/5/2014 ซึ่งตีความได้ว่า

รายใหญ่หรือมหาชน เห็นว่า

ราคาประมาณ 20.7

ไม่แพง คุ้มค่า น่าสนใจ

ซื้อแล้ว ไปขายต่อทำกำไรได้

จึงทุ่มเงิน ซื้อหุ้นมากมายมหาศาล

เมื่อความต้องการซื้อมาก ราคาหุ้นจึงพุ่งกระฉูด





------------


จากข้อมูลทั้งหมด

ICHI ทำไงต่อดี ??

คำตอบคือ หากติดที่ราคาสูง

ปัจจุบัน ไม่ใช่เวลาขายแล้ว

เพราะบริเวณนี้ ใกล้เคียงราคาที่ รายใหญ่เคยตะลุยเก็บหุ้น

ซึ่งปกตินิสัยมนุษย์ อะไรทำแล้วดี จะทำซ้ำ

คราวก่อนรายใหญ่เก็บหุ้น แถว 20.7

และไปขายทำกำไรแถว 27.5 -28

เมื่อราคาลงมา ใกล้เคียง 20.7

จึงมีโอกาส ที่รายใหญ่อาจเข้าเก็บหุ้นอีกครั้ง

เราจึงควรรอดูว่า แถว 20.7

มีแรงซื้อหุ้น ICHI อย่างมีนัยยะสำคัญไหม

หากมี ก็แสดงว่า เป็นแนวรับ

อันหมายถึง ราคาหุ้นน่าจะไม่ลงต่ำกว่า 20.7 มาก

เป็นเวลาซื้อ มากกว่าขาย

แต่หากแถวราคา 20.7 ไม่มีแรงซื้อ

แถมมีแรงขายหุ้นอย่างหนัก

ก็สะท้อนว่า รายใหญ่ หรือ มหาชน

เห็นว่า ราคา 20.7  ไม่น่าสนใจแล้ว

เมื่อถึงเวลานั้น ต้องตัดสินใจว่า ขายหรือถือต่อ ครับ




Read More »

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

PTTGC เอาไงดี ??





PTTGC เป็นแชมป์เปี้ยนเบอร์หนึ่ง ด้านพื้นฐาน

ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีประเทศไทย

แต่กลับสร้างความผิดหวังให้นักลงทุนอย่างสาหัส

เพราะราคาร่วงหนัก ต่อเนื่อง ยาวนาน

ลงแบบไม่ลืมหูลืมตา

จนผู้ที่ซื้อราคาสูง แล้วไม่ยอมขาย

ขาดทุนบัญชีกันระนาว อ่อนอกอ่อนใจตามๆกัน


----------

คำถามคือ PTTGC เอาไงดี ??

เมื่อวิเคราะห์ด้วยกราฟราคา

PTTGC เป็นขาลงแบบสมบูรณ์แบบ

ลงแบบโงหัวไม่ขึ้น

ซึ่งตามทฤษฎี

หากหุ้นมีแนวโน้มลดลง

ก็จะลงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดลง

ซึ่งขณะนี้ ยังไม่เห็นแนวโน้มเลยว่า

จะยูเทริน์กลับ เป็นแนวโน้มขาขึ้นเมื่อไหร่

นั่นหมายถึง ปัจจุบัน โอกาสราคาลงต่อ

มีมากกว่าที่จะเพิ่มขึ้น



หุ้น นักเก็งกำไร
PTTGC


อย่างไรก็ตาม ในความมืดมิด ก็เริ่มมีแสงสว่างเล็กๆ

เพราะหลังจากราคาลดต่อเนื่อง ยาวนาน

จนมาถึง "แนวรับ" ที่ 58 บาท

โดย "แนวรับ" หมายถึง แนวที่ระดับราคาหุ้น ไม่ลดลงต่ำกว่า

เป็นราคาที่มีแรงซื้อเข้ามาก

จนเอาอยู่ อุ้มไหว ไม่ให้ราคาต่ำกว่าได้


ดังนั้น หากใครกล้ำกลืนฝืนทน

ถือหุ้นมานาน จนถึงวันนี้

เป็นจุดที่ไม่ควรขายทิ้ง

เพราะมีสัญญาณอ่อนๆว่า

อาจเป็นจุดต่ำสุดของรอบ

เนื่องจาก ใกล้แนวรับ

จึงมีแรงซื้อมาพยุงราคา ไม่ให้ต่ำกว่า 58 ได้


------------


อย่างไรก็ตาม

แนวรับก็ไม่ใช่พนังทองแดง กำแพงเหล็ก ที่ไม่มีวันแตกสลาย

เราไม่ควรไว้ใจเต็ม100 ว่า แนวรับ "เอาอยู่"

ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

หากเอาอยู่ก็ดีไป

แต่หากเอาไม่อยู่ ราคาทิ้งดิ่งต่ำกว่าแนวรับ

จะเป็นการสะท้อนว่า มหาชนหรือนักลงทุนรายใหญ่

เห็นว่า 58บาท แพง ไม่คุ้มค่า ไม่น่าถือ

จึงขายทิ้ง เพื่อรอซื้อที่ราคาต่ำกว่า

หรือ ยกธงขาว ไปซื้อหุ้นตัวอื่น

ดังนั้น เราก็ต้องตัดสินใจ

ว่า "ขายทิ้ง" หรือ "ถือต่อ" ครับ


----------

สรุป 

PTTGC เป็นหุ้นขาลงโดยสมบูรณ์

เวลานี้ราคาถึงแนวรับแถว 58 บาท

หาก 58 เอาอยู่ มีแรงซื้อเข้าจู่โจมแบบหนาแน่น

ก็อาจจะเป็นจุดกลับตัวของแนวโน้มราคา

แต่หากเอาไม่อยู่

ก็ต้องตัดสินใจว่าจะ "ถือต่อ" หรือ

"สละเรือ" เพื่อเอาตัวรอดครับ

# นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน


Read More »

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

reviewหนังสือหุ้น : รวยหุ้นด้วยระบบผลประโยชน์หรือ VI







"หนังสือหุ้นที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ของคุณพิชัย จาวลา"


ชื่อหนังสือ : รวยหุ้นด้วยระบบผลประโยชน์หรือ VI
ราคา : 190 บาท
ผู้เขียน : พิชัย จาวลา


สิ่งที่ผู้อ่านได้รับ

หนังสือเล่มนี้เขียนถึง 2 เรื่องหลัก
1.ปัญหาที่สำคัญของ VI
2.ทฤษฎีระบบผลประโยชน์


ข้อ1 เขียนถึงปัญหาสำคัญที่สุดของ คนที่อยากลงทุนแบบ VI
เป็นด่านอรหันต์ที่ 98 ใน 100 คนจะผ่านไม่ไหว
คือ ทนรวยหรือถือหุ้นยาวๆ นานๆ ไม่ได้


คุณพิชัยบอกว่า ปัญหามาจาก 3 อย่าง


1. คาดการณ์ราคาหุ้น
กะเก็งว่าจะขึ้นหรือลง สุดท้ายก็พลาด


2. รอไม่ได้
เมื่อซื้อแล้วไม่ขึ้น เป็นเวลาหลายเดือน หรือเป็นปี
ก็ร้อนอกร้อนใจ ดังไฟสุมทรวง
จนทนไม่ไหว ขายออก ไปซื้อหุ้นอื่นที่ร้อนแรงกว่า


3.เสียดายกำไรที่หายไป
แม้อดทนจนราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 100%
แต่ธรรมชาติหุ้นเหมือนทะเล คือมีขึ้นมีลง
พอหุ้นเริ่มลง กำไรหายไป
เช่นจากกำไร 100% เหลือ80-70%
ก็หวั่นไหว กลัวราคาลงต่อ เสียดาย
จึงหยิบเบี้ยใกล้มือ ขายก่อน
เลยชวดโอกาสได้กำไร 10-20เด้งในอนาคต


คำถามคือ แล้วจะแก้ปัญหา 3 ข้อข้างบนยังไง
ซึ่งวิธีแก้ไข คุณพิชัยเขียนในหนังสือครับ
ที่โดนใจผม และแตกต่างกับเล่มอื่น
คือ เป็นวิธี ปฎิบัตินิยมทำได้ไม่ยากเกินไป


โดยเรามักคุ้นเคยกับคำแนะนำแบบที่ว่า
ให้อดทน อดกลั้น อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
แต่คุณพิชัยบอกว่า นี้แหละ คือปัญหา
เพราะการ ฝืนทนคือการฝืนธรรมชาติมนุษย์
98% จึงจบที่ความล้มเหลว
เลยต้องอาศัย บางอย่างมาช่วย
เพื่อให้ทนรวยได้นาน โดยไม่ฝืนเกินไป
ซึ่งคุณพิชัยอธิบายวิธีอย่างละเอียด 
โดยเปรียบเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายว่า  วิธีการนี้จะช่วยให้ถือหุ้น 5 ปี 10ปี ได้อย่างไร


ข้อ2 ทฤษฎีระบบผลประโยชน์ คือการลงทุนแบบแกะดำ
ดังคำพูดอมตะของ วอเร็น บัฟเฟต์ที่ว่า
โลภเมื่อคนอื่นกลัว และกลัวเมื่อคนอื่นโลภ
คือซื้อเมื่อตลาดถูกถล่มด้วยพายุข่าวร้าย มีแต่คนขาย
ขายเมื่อโลกเป็นสีชมพู คนแย่งซื้ออย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์แล้ว กลยุทธ์นี้ ถูกมากกว่าผิด
จึงมีหลายคนศึกษาทฤษฎีนี้ เพื่อนำมาใช้ลงทุน


ปัญหาคือ  พอลงทุนจริง ก็จะมี คำถามที่ต้องการคำตอบ
เพื่อมาประกอบการใช้ทฤษฎี เพื่อทำกำไรได้
เช่น ทำอย่างไรให้กล้า เมื่อคนอื่นกลัว
ดูยังไงว่า ฟองสบู่ใกล้แตกแล้ว
รู้ได้ไงว่า คนส่วนใหญ่ 97% กำลังซื้อหุ้น เราจะได้ขาย
คนส่วนน้อย 3% พวกเขาเป็นใคร
กลไกของทฤษฎีฯคืออะไร


ซึ่งคำถามทั้งหมดข้างต้น และอีกหลายคำถาม
คุณพิชัยได้อธิบายตอบคำถามอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างประกอบ
จึงเป็นคัมภีร์ที่ครบถ้วนกระบวนความ
สำหรับผู้สนใจทฤษฎีระบบผลประโยชน์อย่างแท้จริง


จุดเด่น


เป็นหนังสือที่เนื้อหาดี แน่น และอ่านง่ายที่สุดเล่มหนึ่ง ของคุณพิชัย
โดยคุณพิชัยเคยออกหนังสือหุ้นมาแล้ว 2 เล่ม
แม้ทั้ง2 เล่มเป็นหนังสือดี
แต่สำหรับผม ก็มีจุดอ่อนอยู่


เล่ม1 เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง
ข้อเสียคือ เข้าใจยาก อ่านไม่สนุก
อธิบายแบบยืดยาว น้ำเยอะ ไม่กระชับ
ต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา หลายรอบ กว่าจะเข้าใจ


ส่วนเล่ม2 รวยหุ้นล้นฟ้าด้วยระบบความคิดใหม่
แม้เข้าใจง่ายกว่าเดิมเยอะ
แต่ข้อเสียคือ เนื้อหาเบาไปนิด รายละเอียดน้อย
ตัวอย่างเช่น เขียนว่า จงเป็นคน3% หรือคนส่วนน้อยในตลาดหุ้น
แต่ไม่ค่อยขยายความ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจแจ่มแจ้ง
เช่น ดูยังไงว่าตอนนี้ คน97%ซื้อหรือขาย
อยากเป็นคน 3 % ต้องทำอย่างไร เป็นต้น
คนจึงต้อง ลองผิดลองถูก หาคำตอบ ด้วยตัวเอง


ซึ่งหนังสือ รวยหุ้นด้วยระบบผลประโยชน์หรือ VI”
ปิดจุดอ่อน2เล่มข้างต้นได้ค่อนข้างดี
คือ อ่านสนุก เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป
เขียนอย่างกระชับ สั้น ตรงประเด็น
และอธิบาย ตอบทุกคำถามที่คนสงสัย
เพื่อให้ใช้งานทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ไปทำกำไรในตลาดหุ้นได้


จุดอ่อน (ในความเห็นผม)


หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ลึก แต่ไม่กว้าง
มีเนื้อหาหลักแค่ 2 เรื่อง ปัญหาของVIและวิธีแก้
และการนำทฤษฎีระบบผลประโยชน์ไปใช้งาน
ทั้ง 2 เรื่อง อยู่ในหัวข้อ จิตวิทยาลงทุน


แต่การลงทุนแบบ VI ให้สำเร็จ ต้องการอะไรมากกว่านั้น
ต้องรู้งบการเงิน จุดอ่อนจุดแข็งบริษัท
ต้องมองอนาคตธุรกิจให้ขาด
ต้องรู้วิธีหามูลค่าที่เหมาะสม ไม่แพงไป
ซึ่งทั้งหมดข้างต้น ไม่มีในเนื้อหาเลย
หนังสือเล่มนี้ จึงไม่ใช่ One Stop Service ของการลงทุนแบบ VI
หากอยากแตกฉาน คงต้องใช้หนังสือเล่มอื่นมาประกอบด้วยครับ


สรุป หนังสือ รวยหุ้นด้วยระบบผลประโยชน์หรือ VI”
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ  ปัญหาของVIและวิธีแก้  
และการนำทฤษฎีระบบผลประโยชน์ไปใช้งาน
ซึ่งอ่านง่าย กระชับ เนื้อหาแน่นปึ๊ก ใช้งานได้จริง
จึงเป็นหนังสือที่แฟนพันธ์แท้ คุณพิชัย จาวลา ไม่ควรพลาดครับ 
Read More »
Google