สัปดาห์นี้มีข่าว "น่าสนใจ" เกี่ยวกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) (Thaibev) ถูก S&P ลดอันดับ Credit Rating อยู่ในระดับ BB- หรือ ขยะ อันหมายถึง S&P เห็นว่า Thaibev กำลังมีปัญหาทางการเงิน จนโอกาสที่เจ้าหนี้ จะถูก Thaibev “ชักดาบ” หรือไม่จ่ายเงินกู้ มีสูงขึ้น
ข่าวนี้ทำให้ผมเกิดความสงสัยใคร่รู้อย่างมาก
เนื่องจาก Thaibev เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ดำเนินงานมายาวนาน และขยายงานอย่างต่อเนื่อง ผมจึงหาข้อมูลทางการเงินของ Thaibev เพื่อพิจารณาว่า สุขภาพการเงินของ Thaibev กำลังแย่ลง ตามที่ S&P ให้ข่าว จริงหรือไม่ ??
เนื่องจาก Thaibev เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ดำเนินงานมายาวนาน และขยายงานอย่างต่อเนื่อง ผมจึงหาข้อมูลทางการเงินของ Thaibev เพื่อพิจารณาว่า สุขภาพการเงินของ Thaibev กำลังแย่ลง ตามที่ S&P ให้ข่าว จริงหรือไม่ ??
โดยส่วนตัวเห็นว่า การเช็คสุขภาพการเงิน ว่า บจ.ไหน กำลังมีปัญหา สามารถพิจารณาจาก 1.
กระแสเงินสดของบริษัท 2. หนี้สินและความสามารถชำระหนี้
3.
ความเสี่ยงจากการมีหนี้ เพราะหากข้อมูลทั้ง 3
ข้างต้น ชี้ว่าบจ. กำลัง “ถังแตก” ก็มีโอกาสสูงว่า บจ. จะมีปัญหาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลงบการเงินปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า Thaibve
มีสุขภาพการเงินระดับ “แข็งแรงดี” มิได้ย่ำแย่มากมายนัก โดยอาศัยข้อมูลสนับสนุนดังนี้
1. กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
บจ. ที่มีปัญหาทางการเงิน มักเป็น บจ. ที่ธุรกิจไม่สามารถสร้าง “เงินสด” เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย
ประหนึ่งพ่อค้าขายของ แต่เก็บ “เงินสด” ได้เพียงเล็กน้อย ย่อมเกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัก ขาดเงินสดเพื่อซื้อของขายหรือใช้จ่ายในร้าน ย่อมถูกบีบให้ “กู้เงิน” มาใช้จ่ายให้ร้านค้าเดินหน้าต่อได้
การกู้เงินมากๆ ทำให้เกิดภาระะดอกเบี้ย ยิ่งกู้มากๆ จนหาเงินมาต่อดอกไม่ทัน อาจสร้างความบรรลัยแก่กิจการ จนล้มหายตายจากไปได้
ซึ่งจาก งบกระแสเงินสด เมื่อ 30
กันยายน 2556 พบว่า Thaibev มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็น +
อันหมายถึง กิจการยังคง “ผลิต” เงินสดให้ Thaibev
ได้ อีกทั้งมีจำนวนมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนด้วย
โดย Thaibev
มีกระแสเงินสดจากการดำเนินการ
ในวันที่ 30 กันยายน 2556
เท่ากับ 13,105 ล้านบาท มากกว่าเวลาเดียวกันของปีก่อน 1,052
ล้านบาท เท่านั้นไม่พอ ยังจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงิน 10,546
ล้านบาทอีก สะท้อนว่า บจ. ยังมีเงินสดเพียงพอใช้จ่าย
งบกระแสเงินสด ประจำไตรมาส 3 /56 |
จ่ายปันผลชิวๆ |
2. ความสามารถชำระดอกเบี้ยสูง ,D/E
น้อยกว่า 1
ประเด็นต่อมาคือ เรื่องหนี้ของ Thaibev
จากงบการเงินพบว่า Thaibev มีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจริง โดยปี 2555
Thaibev มีหนี้สินรวม 122,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 400% เมื่อเทียบกับปี 2554
โดยมีสาเหตุจากการกู้เงินจำนวนมหาศาล มาซื้อหุ้นของบริษัท F&N ทำให้ Thaibev
มีหนี้สินสูงขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ เมื่อบจ. มีหนี้เพิ่มขึ้นมากแล้ว บจ. มี “ศักยภาพ” จัดการหนี้ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าหากบจ. ยังเอาอยู่ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร อุปมาดังผู้มีรายได้สูงมาก กู้เงินมาสร้างบ้านสัก 50
ล้าน แม้มีหนี้เพิ่ม 50 ล้าน แต่หากรายได้มีมากพอที่จะจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ได้แบบสบายๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแต่อย่างได้
โดยสิ่งสะท้อนว่า Thaibev
มี “ศักยภาพการเงิน” เพื่อจัดการหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ดูได้จาก “ความสามารถชำระดอกเบี้ย” อันหมายถึงว่า เมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินการแล้ว บริษัทยังมีเงินเหลือเพียงพอต่อการชำระดอกเบี้ยหรือไม่ โดยปี 2555 Thaibev มีความสามารถชำระดอกเบี้ยถึง
28 เท่า นั่นหมายถึง กำไรจากการดำเนินงาน ยัง “เหลือเฟือ” ต่อการชำระดอกเบี้ยเงินกู้
อีกสิ่งหนึ่งคือ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)
ซึ่งค่านี้ถ้าต่ำกว่า 1 ถือว่า ดี เพราะแสดงว่า บจ. มีหนี้น้อยเมื่อเทียบกับทุนบริษัท โดยล่าสุด Thaibev มี D/E
= 0.93 ซึ่งกว่าต่ำกว่า 1 อยู่ดี นั่นแสดงว่า ก่อนกู้เงินมาซื้อ F&N Thaibev มีหนี้สินต่ำมากอยู่แล้ว ดังนั้นถึงจะมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมามาก ก็ยังอยู่ใน “ค่ามาตรฐาน” อยู่
ข้อมูลจากรายงานประจำปี 55 |
D/E ณ 30/9/56 แค่ 0.93 |
3.ความเสี่ยงของเงินกู้
ประเด็นสุดท้ายคือ ความเสี่ยงของเงินกู้ เนื่องจาก Thaibev
กู้เงินระยะยาวจากสถาบันการเงินเป็นจำนวนมาก จึงควรดูด้วยว่า มีความเสี่ยงอะไร ทำให้ “มูลค่า” เงินกู้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจนเป็นปัญหาแก่ Thaibev
หรือไม่
โดยเมื่อดูจากรายงานประจำปี 2555
พบว่า ไม่น่าห่วง เพราะถึงแม้ดอกเบี้ยส่วนใหญ่ต้องชำระเป็นเงิน ดอลลาร์สิงค์โปร์ ซึ่งอาจทำให้ Thaibev มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน อย่างไรก็ตาม ได้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยทำสัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้า ทำให้ Thaibev ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ผันผวนมากนัก
สรุป
โดยส่วนตัวผมเห็นว่า สุขภาพการเงินของ Thaibev
ยังอยู่ในภาวะ “แข็งแรง” สะท้อนจาก บจ ยังมีกำไรต่อเนื่อง มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ความสามารถชำดอกเบี้ยสูง D/E ต่ำ และมีการป้องกันความเสี่ยงดีพอสมควร ส่วนเรื่องที่ ถูก S&P ลดอันดับ Credit Rating อยู่ในระดับ BB- หรือ Junk นั้นก็ต้องให้เวลาพิสูจน์ว่า จะส่งผลกระทบกับ Thaibev
อย่างไร
ที่มาข้อมูล http://thaibev-th.listedcompany.com/financials.html
ที่มาข้อมูล http://thaibev-th.listedcompany.com/financials.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น