วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ซื้อหุ้นด้วยทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ในความคิดของผม

26/12/56 เป็นอีกครั้งที่ "ข่าวร้าย" กระหน่ำเต็มตลาด เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ส่งออกกำลังจะติดลบในรอบ 4ปี โครงการรัฐติดหล่ม การเมืองเละเป็นโจ๊กและไม่มีวี่แววสมานฉันท์ "เหตุผล"ทั้งหมดกำลังชี้ว่า "ขายหุ้น" 


ขณะนี้จึงเป็นเวลา "ซื้อหุ้น" ตามทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ซึ่งกล่าวว่า "จงเป็นคนส่วนน้อยของตลาด เพราะ

คนส่วนใหญ่จะขาดทุนเสมอ" ผมสังเกตุว่า เวลานี้ สื่อทุกช่อง ทุกเว็บบอร์ด กูรูทุกสำนัก ฟันธงเหมือนกันว่า "ขาย" เพราะไม่มีเหตุใดเลยที่สนับสนุนว่า หุ้นจะขึ้น เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นไปในทางเดียวกัน เหตุผลกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย แต่จะให้น้ำหนักกับ Oversold แทน เมื่อคนส่วนมากขาย เราต้องซื้อ






ส่วนตัวผมศึกษาและใช้ทฤษฎีระบบผลประโยชน์ในการลงทุน วันนี้เป็นอีกครั้งที่ผมคิดว่า "ระบบทำงานแล้ว" จึงเป็นจังหวะซื้อหุ้นมากกว่าขาย โดยวิธีการซื้อหุ้นด้วยทฤษฎีระบบผลประโยชน์แบบของผมมีดังนี้



1. ทำใจยืดหยุ่น (**สำคัญมาก**) 

ซื้อหุ้นแบบทฤษฎีระบบผลประโยชน์ คือ ซื้อบริเวณที่คิดว่าระบบทำงาน มิใช่ "ซื้อจุดต่ำสุด"  ดังนั้นต้องไม่หวังว่าซื้อแล้วจะขึ้นทันที  อาจลงต่อได้ เพราะคาดการณ์เป๊ะๆในตลาดหุ้น ยากยิ่งกว่าอุ้มช้างอาบน้ำ 20 ตัว ดังนั้น ต้องเป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ซื้อแล้วรอได้ 1-2 ปี หากรักลงทุนด้วยทฤษฎีนี้ ต้องใจกว้าง ยืดหยุ่นเรื่องเวลา ยอมรับความจริงตรงนี้ได้


2. ซื้อหุ้นพื้นฐานดี

อันนี้คุณพิชัยไม่ได้กล่าวไว้ แต่ผมว่าใช่ ต้องซื้อหุ้นพื้นฐานดีตอนภาวะตลาดไม่ดี เหตุผลไม่ดี เพราะสุดท้าย ราคาของหุ้นพื้นฐานดีจะกลับมา ไม่ใช่ไปซื้อหุ้นปั่น หุ้นเน่า หุ้นขาดทุนซ้ำซาก เพราะในระยะยาว ของไม่ดียิ่งถือนาน ยิ่งรอนาน ยิ่งขาดทุน เราจึงควรซื้อแต่ของดีที่มีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น


3. ทะยอยซื้อ


เมื่อมั่นใจว่าระบบทำงาน คุณพิชัยบอกว่า สามารถ "ทะยอยซื้อ" เพราะราคาอาจลงต่อ การทะยอยซื้อทำให้ต้นทุนถูกลง 


4. Price Pattern + SAP

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมไม่ "ทะยอยซื้อ" หุ้นตอนตกหนักเหมือนคุณพิชัย เพราะผมอาจคิดผิดก็ได้ การทะยอยซื้อหุ้นขาลงแล้วราคาไม่กลับมาเหมือนที่คิด  ระเบิดจะลง ความฉิบหายจะเกิด สร้างความบรรลัยต่อพอร์ตได้มาก 

วิธีการส่วนตัวที่ใช้คือ Price Pattern + SAP คือ เมื่อผมมั่นใจว่าระบบทำงาน จะเฝ้าระวังเพื่อซื้อ รอจนราคาไม่มี newlow เกิด price pattern ของการกลับตัวราคา  เมื่อนั้นผมจะซื้อไม้แรก โดยกำหนดแนวรับไว้ หากซื้อแล้วราคาไม่ขึ้นเหมือนที่คิดและลงต่อจนหลุดแนวรับ ผมก็ขาย เพื่อไปรอรับที่ราคาต่ำกว่า (SAP) 



price pattern : double bottoms

วิธีการนี้ข้อดีคือ ขาดทุนน้อยเมื่อคิดผิด เป็นการเข้าถ้ำเสือเพื่อเอาลูกเสือ โดยพก "ตัวช่วย" ไปด้วย เพื่อให้ไม่ให้ถูกทำร้ายบาดเจ็บเกินไป


ทั้งหมดข้างต้น เป็นการ "ซื้อหุ้น" ด้วยระบบผลประโยชน์ของผม พี่น้องอ่านแล้วคิดเห็นเช่นใด เชิญแสดงความเห็นได้  ถือว่าเป็นการเผยแพร่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google