วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้พื้นฐานและเทคนิคลงทุนร่วมกัน คืออะไร และมันทำเงินให้คุณได้อย่างไรบ้าง

ผมเป็นนักเก็งกำไรที่ใช้ทั้ง "พื้นฐานและเทคนิค" บทความนี้ผมขอแชร์ว่า ใช้ทั้งพื้นฐานและเทคนิคร่วมกัน คืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และมันทำเงินให้คุณอย่างไรบ้าง


Hybrid Investor คืออะไร ???

ตอนผมเริ่มลงทุนแบบ "ใช้พื้นฐานและเทคนิค" ผมคิดว่า มันคือ "Hybrid investor" (HI) และเริ่มหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตว่า HI ลงทุนยังไง ผลคือ แทบไม่พบข้อมูล HI ที่เป็น "สากล" เลย ผมสังเกตุว่า มีแต่ "website ไทย" เท่านั้น ที่ใช้คำว่า HI กัน (ถ้าไม่เชื่อ คุณลองพิมพ์คำว่า Hybrid investor ใน google ดู)  โดยมีคำอธิบายสั้นๆว่า HI คือ "เลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค"


หลังค้นคว้าข้อมูลเกือบ 1 ปี ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า HI ไม่มี "นิยามสากล" เพราะจริงแล้ว การเลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค" สากลเรียกว่า Techno Fundamental


เป็น “ Thailand Only คือ มีแต่คนไทยเรียกกัน


ทำไมต้องกล่าวเรื่อง "ชื่อถูกต้อง" เป็นเรื่องแรก  ??? เพราะ ชื่อถูก ทำให้คุณหาข้อมูลใน google ได้ถูกต้องโดนใจ  ไม่เหมือนผมที่เข้าใจว่า เลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค คือ Hybrid Investor  ผลคือ หาข้อมูลยาก ราวกับหาน้ำในทะเลทราย ทำให้ผมต้องลองผิดลองถูกเกือบปี  กว่าจะใช้ทั้งพื้นฐานและเทคนิคร่วมกัน แล้วไม่ขาดทุน


ถ้าสนใจวิธี "เลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค" ลอง search หาคำว่า Techno Fundamental (TF) จะได้ข้อมูลเยอะครับ


TF ในแบบของผม


TF คือ "นักเก็งกำไร" ชนิดหนึ่ง ที่เลือกหุ้นที่จะใส่เงินด้วย " ปัจจัยพื้นฐาน"  เพราะนักเก็งกำไรทุกแนว จะมี "Pattern" หรือรูปแบบซื้อขาย ที่เลือกแล้วว่า มีโอกาสกำไรสูงกว่าขาดทุน โดย "Pattern" ของนักเก็งกำไรแต่ละกลุ่มจะต่างกัน เช่น ใช้เส้นค่าเฉลี่ยซื้อขาย บางคนใช้ Price Pattern บางคนใช้ indicator  หรือ อื่นๆ


Pattern ซื้อขายของ TF  คือ "ซื้อหุ้นพื้นฐานดี" เพราะ HI เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ว่า หุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะพวก Superstock ที่กำไรยังโตได้  เมื่อราคาลดลง สุดท้ายจะพุ่งทะยานขึ้นใหม่เสมอ  และราคามีโอกาสเพิ่มสูงกว่าเดิม ตามกำไรที่โตต่อเนื่อง  ดังนั้น TF จะซื้อหุ้นพื้นฐานดีใน "บริเวณตกหนัก"  เพื่อหวังจะ  "ซื้อต่ำขายสูง"


TF  ชอบ "น้ำพริกถ้วยเก่า" คือ ซื้อขายหุ้นเดิมๆ หรือหุ้น Watchlist ที่คุ้นเคย โดยจะ "สะกดรอย" หุ้นแค่ 5-10 ตัว ทำให้ง่ายต่อการติดตามราคาและพื้นฐานของบจ. และจะขจัดออกจาก  Watchlist  เมื่อพื้นฐานของ บจ. ไม่ดีเหมือนเดิมหรือกำไรโตยากแล้ว


TF  มักไม่ใส่เงินในหุ้น ที่รู้จักผิวเผินหรือเพียงเพราะเกิดสัญญาณซื้อทาง "Technical"  เพราะเสี่ยงกว่า  อุปมาดังการลงทุนกับคนไว้ใจ ย่อมเสี่ยงน้อยกว่าฝากเงินไปกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเสมอ


TF เชื่อใน "แนวโน้ม" พวกเขาคิดว่า ราคาหุ้นเคลื่อนที่ตามแนวโน้มหนึ่งไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง แนวโน้มนั้นก็จะสิ้นสุดลง และหันเข้าสู่แนวโน้มใหม่  วนเวียนแบบนี้เป็นวัฎจักร  HI ใช้ความเชื่อนี้ซื้อขายหุ้น โดยซื้อหุ้นพื้นฐานดี เมื่อขาลงสิ้นสุด  และขายหุ้นเมื่อขาขึ้นจบแล้ว


สรุปคือ  TF คือ Trend Following ที่ซื้อขายแต่หุ้นพื้นฐานดี


TF ก็คือ Trend Following ที่ซื้อขายหุ้นพื้นฐานดี




ทำไม TF ถึงช่วยให้ได้เงินจากตลาดหุ้น


1. มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ : TF ใส่เงินใน superstock ที่ธุรกิจมั่นคง กำไรโตต่อเนื่อง และซื้อตอนราคาลงหนัก  หุ้นเหล่านี้ราคาลดลงตลอดไป ??? ไม่ .... มันกลับมาเสมอเหมือนพระอาทิตย์ ตกแล้วก็ขึ้นใหม่ โอกาส "ซื้อต่ำขายสูง" จึงมาเรื่อยๆ บางทีคุณอาจ "ถูกหวย" โดยซื้อหุ้นแล้วราคาขึ้นต่อเนื่อง เกิดแนวโน้มขาขึ้น คุณจะทำกำไรก้อนใหญ่ 

พอร์ตที่ "ชื้อต่ำขายสูง" และ "กำไรมากกว่าขาดทุน" เรื่อยๆ ก็เสมือนบริษัทที่กำไรซ้ำชาก มูลค่าบริษัทย่อมเพิ่มในระยะยาว


2.  ป้องกันเงินต้น  เพราะ TF จะตัดสละเรือทันที เมื่อเกิดแนวโน้มขาลง จึงขาดทุนเล็กน้อย พอจบขาลง คุณจะมีเงินสด มีโอกาสเอาคืน  มูลค่าพอร์ตจะฟื้นง่ายเพราะไม่ต้องเร่งรัดทำกำไรเป็น % มากๆ  การปล่อยให้ขาดทุนมากอุปมาดังตกหลุมลึก ลงง่ายขึ้นยาก ต้องตะเกียกตะกาย เสียแรง เสียเวลา ปีนกลับไปจุดเดิมซึ่งไม่ได้ก้าวหน้าอะไรเลย  ดังนั้นหากไม่ลงทุนยาวจริง หยุดขาดทุนเป็นเรื่องสำคัญมาก


3. ไม่กลัวไม่เครียด   เพราะหากไม่มีหุ้น ความกลัวและเครียด จะถูกนรเทศจากชีวิตคุณชั่วคราว เมื่อไม่เจอกัน  มันทำอะไรคุณไม่ได้





กระผมกราบเรียนว่า อย่าดูถูก "ความกลัวและเครียด"  จากติดหุ้นที่สูงเด็ดขาด ผมเจอมาแล้ว มันอึดอัด เครียด เป็นทุกข์อย่างบอกไม่ถูก สาเหตุที่ความกลัวและเครียดจะกดดันให้เราทำสิ่งผิดพลาด เพราะกลัวและเครียดเป็นเรื่องอารมณ์ ซึ่งมีอำนาจเหนือเหตุผล เมื่ออารมณ์ครอบงำ สติจะหลุดและทำสิ่งผิดพลาด เช่น ขายหุ้นดีราคาถูก ขายขาดทุน สูญสิ้นสมาธิ เสียงานเสียการ  ระเบิดอารมณ์ใส่คนรอบข้าง ซึ่งทั้งหมดไม่ก่อคุณประโยชน์ใดๆ คนส่วนมากที่เจ๊งหุ้น มักเกิดจากความกลัวและเครียดรุมทำร้าย ดังนั้นการลงมือแต่เนิ่นๆ  จึงป้องกันภัยจากศัตรูทั้ง 2 ได้


ข้อเสียของ TF  ในความคิดผม


1.  Cutloss  คือเรื่องธรรมชาติ  ความจริงย่อมไม่สวยงามเหมือนละคร   เมื่อซื้อแล้วไม่ขึ้น  ซื้อแล้วลง ซื้อผิดตัว   TF ต้องยอม Cutloss เสียน้อยเพื่อรักษาเงินทุน  การขาดทุนเล็กน้อยคือสัจธรรมที่ TF  ต้องทำใจรับให้ได้
  

2. กำไรน้อย เพราะ TF  ซื้อ-ขายบ่อยกว่านักลงทุนระยะยาว โอกาสกำไร 10 - 20 เด้ง จึงน้อยพอๆกับถูกหวยและมีต้นทุนค่าคอมฯ มากกว่า นอกจากนั้น TF  ไม่ค่อยใส่เงินใน "หุ้นปั่น" โอกาสกำไรระยะสั้นมากๆ จึงน้อยกว่านักเก็งกำไรที่กระโจนสู่หุ้นที่ราคาขึ้นลงรวดเร็วเหมือนรถไฟเหาะ


3.  เรียนรู้เยอะ TF ใช้  "พื้นฐาน" และ "กราฟ"  จึงต้องขนขวายหาเรียนเพิ่ม ถามว่าต้องเรียนขนาดไหน ก็ขนาดว่า รู้ว่าหุ้นไหนกำไรจะโตในอนาคต และ เข้าใจวิธีคิดของการเก็งกำไรตามแนวโน้ม จึงต้องศึกษามากหัวข้อ เมื่อเทียบกับการ Focus ที่ลงทุนแบบใดแบบหนึ่ง


ตัวอย่างนักลงทุน Techno Fundamental 




Nicolas Darvas

ต้นแบบ Techno Fundamental ผู้เป็นอมตะ   Nicolas ตัด "ข้อเสีย" ของทั้งพื้นฐานและเทคนิคออก และคัดเฉพาะ "ข้อดี" มารวมกัน จนมีแนวทางการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ เลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค เขาใช้หลักการนี้ทำกำไรจากตลาดในปี 1957 -1958 ได้ถึง $2,450,000.00 ในเวลา 18 เดือน


วิธีการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โด่งดัง และ นิยมถึงปัจจุบัน ก็คือ "BOX theory." หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ " ช่วงเวลาสะสมหุ้น "  Nicolas ให้ความสนใจกับราคาหุ้นที่มีรูปแบบ "สะสมหุ้น" คือ รูปแบบคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม  โดย Nicolas จะเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาทะลุกล่องขึ้นไป และหากราคาทำรูปแบบกล่องอีกครั้ง แต่ราคาทะลุลง เขาก็จะขายออก



ตัวอย่าง Box theory ของ Nicolas



หนังสือแนะนำของ Nicolas คือ How I Made $2,000,000 in the Stock Market  ที่ยังได้รับความนิยมถึงทุกวันนี้




ภาวิทย์ กลิ่นประทุม : 

เฮียแพท เซเล็บหุ้นผู้หล่อเหลา เขาคือ  Techno Fundamental ผู้โด่งดังของเมืองไทย สไตล์เขาคือ "ใช้ Technical เพื่อหาจังหวะซื้อหุ้นพื้นฐานดี " โดยเฮียชอบบอกว่า เมื่อราคาตกหนัก จนถึงเขต Oversold นั่นคือจุดซื้อ

อย่างไรก็ตาม เฮียเป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาว คือ ซื้อแล้วทิ้ง ไม่ขาย (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) ดังนั้น ใครรักจะลงทุนแนวนี้ ก็ต้องอดทนอยู่กับหุ้นนานพอสมควร

ใครสนใจก็ติดตามเฮียเขาได้ที่ https://www.facebook.com/savestock


สรุป

การลงทุนด้วยวิธี เลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ซื้อ-ขายด้วยเทคนิค มีชื่อสากลคือ Techno Fundamental โดยวิธีการลงทุนแบบ TF ของผมก็คือ ซื้อหุ้นพื้นฐานดีเมื่อขาลง (Up Trend) จบแล้ว และขายออกเมื่อราคาเป็นขาลง (Down Trend) ซึ่งมีข้อดีคือ พอร์ตโตเรื่อยๆ ป้องกันภัยจากความเครียดและความกลัว แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้อง Cutloss หากผิดทาง และ กำไรน้อยครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google