วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

หนังสือบทที่1 : คนจนก็เป็นนักลงทุนผู้มั่งคั่งได้



"คนจนก็เป็นนักลงทุนผู้มั่งคั่งได้ หากรู้วิธี"

คุณต้องการ ความสุขในชีวิต ไหมครับ
ผมขออนุญาตแชร์ วิธีการสร้างความสุข ซึ่งทุกคนทำได้
สำหรับผม ความสุข คือ มีเงินใช้ มีเวลา และสุขภาพแข็งแรง
ลองจินตนาการว่า มีเงินเหลือใช้
มีเวลาพักผ่อน  สอนการบ้านลูก เที่ยวกับครอบครัว
และมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
ถ้าคุณมีทั้ง 3 อย่าง จะวิเศษขนาดไหน


แล้วทำอย่างไร จึงมี 3 อย่างข้างต้น
คำตอบคือ คุณต้องเป็น นักลงทุนหรือเจ้าของกิจการ
เพราะ 2 กลุ่มนี้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ซึ่งเป็น"เครื่องจักรผลิตเงินสดอัตโนมัติ"
นักลงทุนและเจ้าของกิจการจึงมีชีวิตเหมือนพี่เบิรด์ธงไชย
คือสบายสบาย เพราะมีรายได้ โดยไม่ต้องทำงาน


ผมขอยกตัวอย่าง ชีวิตนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ
เพื่อให้คุณเห็นว่า เป็น นักลงทุนหรือ เจ้าของกิจการมันดีอย่างไร


ทหารเรือชาวอเมริกันคนหนึ่ง ลาออกจากกองทัพ 
มาไล่ล่าความฝัน เป็นเจ้าของกิจการ
ปี 1985 เขาถังแตก ไม่มีเงิน ไม่มีงาน
ไม่มีแม้แต่บ้านซุกหัวนอน กลายเป็นคนจรจัด
อาศัยเศษเงินเล็กน้อย ประทังชีวิตรอดไปวันๆ


ปี 1989 เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจ ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
1994 กลายเป็นนักลงทุนผู้มั่งคั่ง เพราะรายได้จากสินทรัพย์ทิ้งรายจ่ายแบบไม่เห็นฝุ่น
และได้เขียนหนังสือขายดีระดับโลก ชื่อ พ่อรวยสอนลูก
ชื่อเขาคือ Robert Kiyosaki



Kiyosaki บอกว่า "เจ้าของกิจการ"และ"นักลงทุน" ได้เปรียบผู้มีรายได้แบบอื่นสุดลิ่มทิ่มประตู
โดยเปรียบรายได้จาก  "ลูกจ้างและ "ธุรกิจส่วนตัวเสมือน หนูถีบจักร
คือ หยุดไม่ได้ ต้องทำงาน จึงมีกินมีใช้
ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งต้องทำงานมากขึ้น เพราะรายจ่ายมากขึ้นตามธรรมชาติ
หยุดทำงานเมื่อไหร่  ชีวิตก็หายนะ เนื่องจากเงินสดขาดมือ 
หากเกิดอุบัติเหตุหรือล้มป่วย จนทำงานไม่ได้ จะมืดแปดด้าน 
เพราะไม่รู้เอาเงินจากไหนมาใช้หนี้
ชีวิตจึงมีความเสี่ยงตลอดเวลา และมากขึ้นตามอายุ








ขณะที่  "เจ้าของกิจการ"และ"นักลงทุน" มีรายได้จากสินทรัพย์ซึ่งผลิตเงินสดให้เขาแบบอัตโนมัติ
ถึงเขาจะหยุดทำงาน สินทรัพย์ก็ไม่หยุด ก้มหน้าก้มตาทำเงินแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แถมเวลาผ่านไป สินทรัพย์ดี จะยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้น ผลิตเงินสดมากขึ้น
เขาจึงยิ่งแก่ ยิ่งรวย มีรายได้มาก โดยไม่ต้องทำงานเลย
เมื่อว่าง จึงมีเวลาดูแลสุขภาพ ครอบครัว ลูกเมีย พ่อแม่ และคนอื่นๆ
ทำให้มี "ความสุข" คือ มีเงิน มีเวลา และสุขภาพดี 



ถึงตอนนี้ หลายคนอาจบอกว่า ได้ยินเรื่อง “Passive income” แบบนี้มาจนหูชาแล้ว
แต่ในชีวิตจริง ไม่เหมือนกับที่อ่านจากหนังสือ หรือ สัมมนา
เพราะฉันเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่ใช่ลูกนายทุนขุนพล
ไม่มีเงินกองเป็นภูเขา มาซื้อสินทรัพย์มากๆ
อีกทั้งไม่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในการสร้างธุรกิจ
แล้วฉันจะก้าวเป็น นักลงทุนจนมี Passive income ได้อย่างไร ??


คำตอบคือ ได้ครับ ถ้าคุณรู้วิธี
ฺBrian Tracy ปรมาจารย์ด้านพัฒนาตัวเอง บอกว่า วิธีง่ายที่สุดในการประสบความสำเร็จ
คือคนสำเร็จทำอย่างไร คุณก็copyวิธีการนั้นมาทำ ก็สำเร็จได้
ดังนั้นคุณแค่หา  “ตัวอย่างของคนธรรมดา ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักลงทุน
จากนั้นเรียนรู้และ copy วิธีการของเขามา
คุณก็สามารถเป็น นักลงทุนที่มี Passive income ได้


**ประวัติของผม**
ผมเกิดในครอบครัวราชการผู้น้อย ฐานะยากจน
ตอนเด็กหากเสื้อไม่ซีดขาว กางเกงไม่เยินเต็มไปด้วยรอปะ สภาพสุดทนจริงๆ อย่าหวังจะได้ตัวใหม่
เพราะต้องประหยัด อดออมไว้เป็นค่าหนังสือ และค่าเทอม
ตอนเรียนก็ไม่ได้มุ่งสายการเงินและธนาคารโดยตรง  จึงไม่มีพื้นฐานอะไรมากมาย
ตอนตัดสินใจเป็นนักลงทุน ก็เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา เงินเดือนก็น้อยนิด
เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 5,000 บาท น้อยกว่านักลงทุนคนอื่นจนเทียบไม่ติด


หลังจากลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลาน ฝันฝ่าอุปสรรคมา 4 ปี
ผมพบว่า ตลาดหุ้นคือรถไฟความเร็วสูง  ที่พาคนธรรมดาสามัญสู่การเป็น นักลงทุนได้
โดยปัจจุบันผมมีเงินในพอร์ต 100,000 บาท
เติบโตก้าวกระโดดจากเริ่มต้นเกือบ 2,000%
แม้เงินที่งอกมา ไม่ใช่เกิดจากกำไรเพรียวๆ แต่มาจากนำทุนใส่เพิ่มเรื่อยๆ
เนื่องจากไม่เก่งขนาดสร้างกำไร 2,000% ใน 4 ปีได้
แต่ผมก็ รู้วิธีรักษาต้นทุน ทำกำไรเรื่อยๆ แบบยั่งยืน และมี passive income จากหุ้น
โดยคาดว่าอีกไม่เกิน 10 ปี ผมจะมี เงินล้านแรกในชีวิต จากตลาดหุ้น



ดังนั้นเนื้อหาในหนังสือ จะบอก "วิธีการ" และ ประสบการณ์ ลงทุนแบบ "คนไม่มีเงิน"
ตั้งแต่เริ่มต้น จนอยู่รอดในตลาดหุ้น
แชร์ "หลักคิด" ของคนไม่มีเงิน หรือ เงินน้อย หากต้องการสำเร็จในตลาดหุ้น
และหลักการ เอาตัวรอดในตลาดหุ้น แบบคนธรรมดาสามัญ
ซึ่งไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียน แต่ผมใช้แล้ว ได้ผล ดีมาก
เพื่อเป็นแนวทางและข้อมูล ให้คนธรรมดาสามัญ ก้าวไปลงทุนในตลาดหุ้นได้
                                                

เมื่ออ่านจบแล้ว จะรู้ว่า
ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ก็สามารถเป็น นักลงทุนผู้มั่งคั่งได้ครับ


นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน

Read More »

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

หุ้น:เศรษฐกิจชะลอตัว ลงทุนอะไรดี


"กองทุนตราสารหนี้ระยะยาวเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
เพราะเศรษฐกิจแย่ ดอกเบี้ยเป็นขาลง ตราสารหนี้จะมีค่าสูงขึ้น"



ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทย เจอมรสุมการเมืองเข้าเต็มเปา จนเศรษฐกิจชะลอตัว
เพราะการเมืองทำให้ไม่มีรัฐบาล การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจึงไม่เกิด
เมื่อรัฐไม่อัดฉีด เอกชนจึงชะลอการบริโภคและลงทุน เพราะขาดความเชื่อมั่น
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 ตัว ดับสนิท
เศรษฐกิจไทยจึงชะลอตัวชัดเจน


พิษจากการเมือง จึงกดดันให้ ธปท. พิจารณาเรื่องลดดอกเบี้ย  เพื่อเป็นยารักษาโรค เศรษฐกิจซึม
โดยนักวิเคราะห์เกือบทุกสำนัก ฟันธงว่า ลดแน่ และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
เพราะปัญหาการเมืองส่อเค้าลากยาว  จึงเป็น ตัวถ่วงเศรษฐกิจไทยอีกระยะ
จึงต้องใช้ ดอกเบี้ยต่ำมากระตุ้นเศรษฐกิจ


อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตยังมีโอกาส
เพราะดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้ตราสารหนี้ระยะยาวมีมูลค่าสูงขึ้น
การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวจึงน่าสนใจ


โดยจุดเด่นของกองทุนตราสารหนี้คือ
  1. ได้รับผลบวกโดยตรงจากดอกเบี้ยขาลง
  2. ผลตอบแทนจากการขายหน่วยกองทุนได้รับการยกเว้นภาษี
  3. โอกาสขาดทุนน้อยกว่าหุ้นมาก

วิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ที่ดี
วิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพคือ เลือกจากอันดับของ “Morningstar”
โดย Morningstar คือบริษัทจัดอันดับกองทุนระดับโลก ซึ่งจัดอันดับกองทุนด้วยสัญลักษณ์ ดาวมีตั้งแต่ 0 ดาว ถึง 5 ดาว
ยิ่งดาวเยอะ ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงยิ่งดี  ยิ่งน่าสนใจลงทุน
นักลงทุนเลยสบาย เพราะมีมืออาชีพคอยชี้ทางให้


ดูอันดับและผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ที่ http://goo.gl/IDQn35



อย่างไรก็ตาม มี 2 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ กองทุนตราสารหนี้

1.  กองทุนดาวเยอะ อาจมีผลตอบแทนต่อปีน้อยกว่าดาวน้อยได้
เพราะจำนวนดาว คิดจากผลตอบแทนต่อความเสี่ยง
หมายถึงแม้ผลตอบแทนมาก แต่ความเสี่ยงสูงปรี๊ด 
จะได้ดาวน้อยกว่า ผลตอบแทนน้อยลงหน่อย แต่ความเสี่ยงต่ำกว่ามาก
เนื่องความเสี่ยงต่ำ ถือว่าชัวร์กว่า 
ขณะที่ความเสี่ยงสูง ปีนี้อาจได้มาก แต่ปีหน้าอาจไม่ได้ก็ได้


2.  กองทุนตราสารหนี้ ก็อาจขาดทุนได้
หากซื้อขายเร็วเกินไป ประเภทซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้
เพราะระยะสั้น ราคากองทุนอาจต่ำกว่าที่ซื้อมา
ตัวอย่างเช่น ซื้อมา 10 บาท 1 อาทิตย์ผ่านไป ราคาอาจเหลือ 9.8
หากคุณขาย คุณก็จะขาดทุน
ดังนั้นความเชื่อที่ว่า กองทุนตราสารหนี้ไม่มีขาดทุน
จึงเป็นความเชื่อ แต่ไม่ใช่ความจริง


อย่างไรก็ตาม หากคุณลงทุนระยะกลางถึงยาว คือ 1 ปีขึ้นไป
โอกาสขาดทุนในกองทุนตราสารหนี้จะน้อยมากๆ
เพราะกองทุนจะได้ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ที่ซื้อไว้
สินทรัพย์ของกองทุนสูงจะขึ้น มูลค่าและราคาของกองทุนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย


สรุป
ดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้ตราสารหนี้ระยะยาวมีมูลค่าสูงขึ้น
ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

เพราะได้รับผลบวกโดยตรงจากดอกเบี้ยขาลง ยกเว้นภาษีซื้อขายกองทุน และมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นครับ 

นักเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐาน
Read More »
Google