วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

reviewหนังสือหุ้น : บันทึกลับเซียนหุ้น



"หนังสือเล่มนี้ เปรียบเหมือนหนังเยี่ยมๆ ที่นอกจากสนุกแล้ว ยังได้ให้ข้อคิดเป็นประโยชน์ต่อชีวิตด้วย"
**เนื้อหา**
เป็นนิยายการลงทุน เล่าประวัติของ Larry Livingston นักเก็งกำไรใน Wall Streetเริ่มจากตอน Larry เป็นหนุ่มกระทง ทำงานในห้องค้าหุ้นเถื่อน เขาฉายแววเซียนหุ้น โดยทำกำไรก้อนโตจากการซื้อขายหุ้นกับห้องค้าหุ้นเถื่อนที่เขาทำงานอยู่จนถูก Blacklist เพราะเก่งจนห้องค้าหุ้นเถื่อนขาดทุนยับ จึงผันตัวมาเก็งกำไรแบบถูกกฎหมายและประสบความสำเร็จกลายเป็นเศรษฐี 

แต่ชีวิตพลิกพลัน เขาขาดทุนอ่วมอรทัยจากตลาด commodity ถึงขั้นล้มละลาย เพราะไปซื้อขายตามเซียน อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชี่ยวชาญ เขาลุกขึ้นสู้ด้วยความมานะ และกลับมาเป็นเศรษฐีอีกครั้ง

เรื่องของ Larry จริงๆแล้วคือ ชีวิตและประสบการณ์จริงของนักเก็งกำไรระดับโลกอย่าง Jessie Livermore ผู้อ่านจึงมั่นใจได้ว่า "วิธีการ" ในหนังสือเป็นของจริง ที่ผ่านการยืนยันแล้วว่า "ใช้ได้" ไม่ใช่มโน นั่งเทียน หรือมั่วเอาเอง 

**สิ่งที่ผู้อ่านได้รับ** 
หนังสือบอกเล่าถึง "วิธีการเก็งกำไร" แบบ Livermore ว่าเขาทำอย่างไรจึงกลายเป็นมหาเศรษฐีจากหุ้น และ commodity เช่น วิธีการคัดเลือกหุ้น จุดดีที่สุดในการซื้อ จุดไหนที่น่าขาย วิธีบริหารเงินทุนไม่ให้เจ๊ง การอ่านความคิดของหมู่ชน และการเอาตัวรอดกับอะไรที่เป็น"สีเทา"ในตลาดหุ้น เช่น insider ข่าวลือ การโกหกตอแหลของนักค้าหุ้น เป็นต้น 


ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ทั้งหมดในหนังสือคือการเสนอแก่นการเก็งกำไรแบบ Livermore คือ อยู่กับผู้ชนะ คือถ้าตลาดกระทิงชนะ ก็ long แต่ถ้าตลาดหมีชนะ จะ Short เพราะเขาเชื่อว่า ภาวะตลาดมีอิทธิพลเหนือราคาหุ้น ต่อให้บริษัทดีขนาดไหน เมื่อตลาดพัง ราคาหุ้นก็จะเละไปด้วย ดังนั้นการอยู่ฝั่งเดียวกับตลาด จึงเป็นสิ่งที่นักเก็งกำไรควรทำ ซึ่งวิธีการว่า ทำอย่างไรจึงจะอยู่ข้างเดียวกับตลาด ก็อยู่ในหนังสือนั่นเอง


หนังสืออธิบายถึง "ความคิด" ของมวลชนในตลาดหุ้น Livermore ชอบศึกษานิสัยของมนุษย์ และใช้ประโยชน์จาก"นิสัยพื้นฐาน"ของมนุษย์ นั่นคือ ความโลภและความกลัว มาเป็นข้อมูลประกอบการลงทุน ดังนั้นวิธีการของเขาจึง"ขลัง" เสมอ เพราะไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ นิสัยนี้ของมนุษย์ก็มั่งคงไม่เปลี่ยนแปลง


หนังสือยังให้ "ข้อคิดดีๆ" หลายข้อ ตัวอย่างเช่น ต้องทำงานหนักจึงสำเร็จ โดยเปิดเผยว่า การที่ Livermoreร่ำรวย ไม่ใช่เพราะโชคแต่มาจากการทุ่มเททำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย จนมีคำพูดในหนังสือว่า "นอกจาการ trade แล้ว ชีวิตผมแทบไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย" เขาจดบันทึกราคาหุ้นที่สนใจอย่างละเอียดยิบ จนรู้อย่างทะลุปรุโปร่งว่า พฤติกรรมของรายใหญ่ที่เล่นหุ้นตัวนี้เป็นอย่างไร จึงค่อยลงมือ เขาจึงไม่ประหลาดใจ เมื่อเห็นคนหนุ่มกระเป๋าหนักขาดทุนอย่างหนักและออกจากตลาดอย่างบอบช้ำ เพราะคิดว่าการเก็งกำไรเป็นเรื่องง่าย ดังคำพูดว่า "ตลาดหุ้น คือที่ที่อันตรายมากสำหรับคนที่ไม่ชอบทำการบ้าน คนโง่ และคนที่ชอบรวยทางลัด"

**จุดเด่น**
จุดโดดเด่นของหนังสือคือ "ความเพลิดเพลิน" บันทึกลับเซียนหุ้น เปรียบเสมือนภาพยนต์เยี่ยมๆที่ดูสนุก เมื่อดูจบแล้ว ยังได้ข้อคิดที่มีประโยชน์ต่อชีวิตด้วย 
หนังสืออาศัยการเล่าเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม ผ่านภาษาที่เข้าใจง่าย เต็มไปด้วยคำคมที่อ่านแล้วต้องบอกว่า "จี๊ด" จึงอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่น่าเบื่อ ขณะที่ค่อยๆแทรกหลักการและวิธีการทำกำไรมาเป็นระยะ มันจึงเป็นการใส่ความรู้เรื่องการเก็งกำไรในสมองของเราแบบเนียนๆ และมีชั้นเชิง เพราะเราจะไม่รู้สึกว่าเป็นการอ่านข้อมูลวิชาการ แต่เป็นการอ่านนิยายสนุกๆ และเมื่ออ่านจบ ความรู้นั้นก็ผุดขึ้นเองในสมองมากกว่า 


**จุดด้อย(ในความคิดผม)**
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 1923 นั่นคือเกือบ 100 ปีที่แล้ว เนื่องด้วยโด่งดังเป็นพลุแตก จึงมีคนอ่านมากมายมหาศาล นั่นหมายความว่า แนวคิดการเก็งกำไรแบบในหนังสือ จึงไม่ใช่เป็นความลับเหมือนชื่อหนังสือแต่อย่างใด แต่เป็น "สัจธรรมของการเก็งกำไร" ที่แพร่หลายและรับรู้กันอยู่แล้ว(เพียงแต่เราทำกันไม่ค่อยได้แค่นั้นเอง) 

ดังนั้น หากท่านจะหาหนังสือประเภทว่า "จากการวิเคราะห์หลายสิบปี เรามีความลับที่คนอื่นไม่รู้ มาเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้ท่านทำกำไรแบบหมูๆ" หนังสือเล่มนี้คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ 


The end 

นกปจ

2 ความคิดเห็น:

  1. ก่อนหน้านี้ก้อมีแปลหนังสือเกี่ยวกับเจสซี่ลิเวอมอเหมือนกัล ไม่ทราบว่าเคยอ่านมั้ยคับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ " how to trade in stock" เล่มสีขาว ที่คุณมด (แมงเม่าคลับ) แปลใช่ไหมครับ ??

      ลบ

Google