วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สินทรัพย์น่าสนใจหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง


หลังจากดูการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ Donald trump ในรายการ 60-minutes
ผมขอแสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและหุ้นไทยดังนี้


สิ่งที่ Trump คงทำแน่และทำก่อนคือ การลดภาษีทั้งแบบบุคคลธรรมดาและธุรกิจ
โดยกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวมากที่สุดคือ เจ้าของกิจการและเศรษฐี
เพราะรายจ่ายลดลง มีเงินสดเหลือเยอะขึ้น
Trump เชื่อว่า หากมิลเลี่ยนแนร์ทั้งหลายมีเงินมากขึ้น
พวกเขาเหล่านั้นจะลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการ เกิดการจ้างงานในสหรัฐมากขึ้น
เศรษฐกิจของอเมริกาจะเติบโต



เพื่อให้มั่นใจมากขึ้นว่า เจ้าของกิจการจะนำเงินมาลงทุนแทนที่จะฝากไว้ในธนาคาร
Trump จึงมีนโยบายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สนามบิน ไฟฟ้าประปา
โทรคมนาคม โรงพยาบาล และอื่นๆอีกเพียบ
มูลค่าโครงการเวอร์วังอลังการกว่า 1 พันพันล้าน ดอร์ลาห์สหรัฐ
Trumpวาดฝันไว้ว่า โครงการเหล่านี้จะเป็นแม่เหล็กดูดเงินเศรษฐีให้มาลงทุนตามที่Trumpต้องการ



ผลจากนโยบายลดภาษีและสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
นำมาซึ่งความวิตกของนักวิเคราะห์การเงินตั้งแต่ก่อนทรัมป์ชนะเลือกตั้งแล้วว่า
หากทรัมป์ทำตามที่พูดจริง ปัญหาหนี้ของรัฐบาลสหรัฐที่สาหัสอยู่แล้วอาจเข้าสู่ขั้นวิกฤตของวิกฤต
เพราะต้องหาเงินมหาศาลมาจ่ายค่าสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่รายรับลดลง(ลดภาษี)
เมื่อรายได้ไม่สมดุลรายจ่าย ก็ต้องกู้เงินมาใช้
หนี้ใหม่สมทบหนี้เก่า สหรัฐจะแบกหนี้สููงยิ่งกว่าเทือกเขาหิมาลัย
พันธบัตรของสหรัฐจะมีค่าเหมือนขยะ เพราะไม่มีใครเชื่อว่าอเมริกาจะหาเงินมาใช้หนี้ได้
ส่งผลให้ ไม่วันใดก็วันหนึ่งการใช้จ่ายภาครัฐของสหรัฐต้องลดลง ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย



ปัญหาหนี้ของสหรัฐข้างต้น หากนักการเงินรู้
มีหรือที่ Trump ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจแสนล้านจะไม่ทราบ
ดังนั้น Trump จึงมีนโยบาย"โยกเงิน"
โดยลดค่าใช้จ่ายด้าน " Social Security and Medicare"
ซึ่งมีสัดส่วนสูงเกิน 50% ของรายจ่ายทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐ
แล้วมาจ่ายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานแทน เพื่อลดความจำเป็นในการกู้เงิน



ส่วนตัวเห็นว่า การบริหารรายจ่าย (Speding Management)คือ key sucess factor ของ Trump
หากทำไม่ดี สหรัฐก็บรรลัยเหมือนที่นักวิเคราะห์กังวล
แต่หากบริหารดี หาเงินมาใช้ได้โดยไม่ก่อหนี้มากเกินไป
คนก็จะเชื่อมั่นว่า สหรัฐเติบโตแบบมีคุณภาพ เงินจะไหลเข้าอเมริกามาก ดอล์ล่าร์จะแข็งค่า
จากเหตุผลข้างต้น ส่วนตัวผมเชื่อว่า หลัง Trumpชนะเลือกตั้ง


สินทรัพย์ที่น่าสนใจคือ US Dollar โดยข้อมูลวันที่ 14/11/59
อัตราแลกเปลี่ยน = 35.49 บาท ต่อ US Dollar
สัปดาห์เดียว US Dollar แข็งค่าขึ้นประมาณ 1.5%
จ่อใกล้จุดสูงสุดในรอบ1 เดือนแล้ว ส่วนจะทะลุหรือไม่
ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม บทความข้างต้นเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น
นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และมีจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง
เพื่อไม่ให้สูญเสียเงินต้นมากเกินไป

ขอให้ทุกท่านโชคดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google