สหกรณ์ คือองค์กรที่ตั้งโดยกลุ่มคนที่ความต้องการเหมือนกัน ความจริงสหกรณ์เป็นเรื่องใกล้ตัว
เพราะเราจะพบคนรอบตัวเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ใดสหกรณ์หนึ่งเสมอ เราจึงควรรู้เรื่องของสหกรณ์ไว้บ้าง
ยิ่งหากพ่อแม่ คู่ครอง ญาต หรือตัวเรามีหุ้นหรือเงินฝากสหกรณ์จำนวนมาก ยิ่งต้องทราบว่า สถานะการเงินของสหกรณ์ยังมั่งคงอยู่ดีพอจะจ่ายปันผลหรือคุ้มครองเงินต้นแก่เราหรือไม่
ยิ่งหากพ่อแม่ คู่ครอง ญาต หรือตัวเรามีหุ้นหรือเงินฝากสหกรณ์จำนวนมาก ยิ่งต้องทราบว่า สถานะการเงินของสหกรณ์ยังมั่งคงอยู่ดีพอจะจ่ายปันผลหรือคุ้มครองเงินต้นแก่เราหรือไม่
สหกรณ์คือ นิติบุคคลตามกฎหมาย จัดตั้งเพื่อแก้ “ปัญหาการเงิน” ของสมาชิก
อันได้แก่ ขาดเงินทุนและได้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ดังนั้นหากท่านเป็นสมาชิกสหกรณ์ใด ก็จะได้ประโยชน์จากสหกรณ์ในแง่มีสิทธิกู้เงิน รับดอกเบี้ยและปันผล โดยปกติ สหกรณ์ต้องนำเงินสดที่ได้มาจากสมาชิกไป “ดำเนินการ” บางอย่าง เพราะถ้าสหกรณ์รับเงินแล้วกองทิ้งไว้เฉยๆ ก็จะไม่มีเงินมาจ่ายดอกเบี้ยและปันผลให้กับสมาชิก
อันได้แก่ ขาดเงินทุนและได้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ดังนั้นหากท่านเป็นสมาชิกสหกรณ์ใด ก็จะได้ประโยชน์จากสหกรณ์ในแง่มีสิทธิกู้เงิน รับดอกเบี้ยและปันผล โดยปกติ สหกรณ์ต้องนำเงินสดที่ได้มาจากสมาชิกไป “ดำเนินการ” บางอย่าง เพราะถ้าสหกรณ์รับเงินแล้วกองทิ้งไว้เฉยๆ ก็จะไม่มีเงินมาจ่ายดอกเบี้ยและปันผลให้กับสมาชิก
หากอยากเห็นภาพการดำเนินงานของสหกรณ์
ก็คงเปรียบได้กับบริษัทลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทจะระดมเงินสดจากหุ้นส่วนและนำเงินไปลงทุนซื้อ
“คอนโด” เพื่อปล่อยเช่า
บริษัทจะได้ผลตอบแทนลงทุนหรือรายได้เข้าบริษัทในรูปของ “ค่าเช่ารายเดือน” สหกรณ์ก็เช่นเดียวกัน สหกรณ์ระดมเงินสดจากสมาชิกโดยการขายหุ้นหรือรับฝากเงิน
เมื่อมีเงินสดก็ปล่อยกู้แก่สมาชิก หรือพูดอีกอย่างคือ สหกรณ์ลงทุนซื้อ “สิทธิการรับคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย” จากสมาชิกนั่นเอง ดังนั้นรายได้ของสหกรณ์จึงมาจาก “เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย” ที่สมาชิกชำระให้สหกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
วงจรรายได้ของสหกรณ์ |
ปัญหาการดำเนินงานของสหกรณ์จะเกิดขึ้น
เมื่อมีการนำเงินสดจำนวนมากไปปล่อยกู้ให้ “ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ” ผู้ซึ่งไม่สามารถจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนให้แก่สหกรณ์ได้
เพราะรายได้
เข้าจะลดลงซึ่งเป็นผลเสียต่อสหกรณ์ เนื่องจากรายได้ลด กำไรจะลดลงตาม (กำไร = รายได้ – ค่าใช้จ่าย) สมาชิกจึงได้ปันผลน้อยลง ยิ่งรายได้ลดลงจนน้อยกว่าค่าใช้จ่าย สหกรณ์ก็จะขาดทุนและจ่ายปันผลไม่ได้ และอาจเกิดการ "ขาดสภาพคล่อง" อันหมายถึง สหกรณ์ไม่มีเงินใช้จ่ายในกิจการของสหกรณ์ เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าสถานที่ เงินเดือนพนักงาน ฯลฯ เพราะเงินที่จ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้นำมาจากรายได้สหกรณ์นั่นเอง
เข้าจะลดลงซึ่งเป็นผลเสียต่อสหกรณ์ เนื่องจากรายได้ลด กำไรจะลดลงตาม (กำไร = รายได้ – ค่าใช้จ่าย) สมาชิกจึงได้ปันผลน้อยลง ยิ่งรายได้ลดลงจนน้อยกว่าค่าใช้จ่าย สหกรณ์ก็จะขาดทุนและจ่ายปันผลไม่ได้ และอาจเกิดการ "ขาดสภาพคล่อง" อันหมายถึง สหกรณ์ไม่มีเงินใช้จ่ายในกิจการของสหกรณ์ เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าสถานที่ เงินเดือนพนักงาน ฯลฯ เพราะเงินที่จ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้นำมาจากรายได้สหกรณ์นั่นเอง
เมื่อไม่มีเงินไหลเข้า สหกรณ์จะเริ่มเกิดปัญหา |
สาเหตุของการเกิด “ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ” อาจเกิดจากความจงใจของผู้บริหารได้ด้วย เพราะผู้บริหารมีผลประโยชน์จากการเกิด
“ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ” ซะเอง ตัวอย่างเช่น
ผู้บริหารปล่อยกู้เงินจำนวนมากให้บริษัทที่เขาเองบริหารอยู่ เมื่อได้เงินก็นำไปใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวังจนเงินหมดและไม่สามารถนำเงินต้นมาคืนสหกรณ์ได้ จึงเข้าข่ายพฤติกรรม “เอาเงินส่วนรวม
ไปละลายส่วนตัว” ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อกิจการสหกรณ์
จากข้อมูลข้างต้น เราจึงควร “ตรวจสุขภาพการเงิน” ของสหกรณ์ที่เราหรือคนรู้จักไปลงทุนเป็นระยะ
เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าเงินฝากของเรายังควรอยู่ในสหกรณ์นี้หรือไม่ สิ่งที่ควรรู้คือ มีหลายสหกรณ์ที่มีปัญหาการเงินจนไม่สามารถจ่ายเงินปันผลและเงินค่าหุ้นคืนแก่สมาชิกได้
เพราะสหกรณ์เอาเงินสดที่มาจากเงินของสมาชิก ไปปล่อยกู้จนเกิด “ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ” จำนวนมาก
พูดง่ายๆคือ “มีแต่เงินออก
แต่ไม่มีเงินเข้า” สหกรณ์ก็เลยไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปคืนให้สมาชิก
ดังนั้น หากเราเห็นว่า “สุขภาพการเงิน” ของสหกรณ์อยู่ในภาวะย่ำแย่
เราก็รีบต้องตัดสินใจว่า “อยู่หรือไป” เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินต้นในอนาคตของเรานั่นเองครับ
เมื่อเราเข้าใจว่า “ทำไมต้องรู้จักสหกรณ์” แล้ว บทความหน้ามาต่อเรื่อง “วิธีตรวจสุขภาพการเงินสหกรณ์เบื้องต้น”กันครับ
ที่มาข้อมูล http://goo.gl/TRbAZ , http://goo.gl/zUbic
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น