หากอยากกินมะม่วง คุณต้องปลูกต้นมะม่วง ฉันใด
หากอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องปลูกนิสัยแห่งความสำเร็จ เช่น ขยัน อดทน สร้างสรรค์ ให้งอกงาม ฉันนั้น
อยางไรก็ตาม มีสักกี่คน ที่เกิดมามีแต่นิสัยแห่งความสำเร็จอย่างเดียว
ในโลกแห่งความจริง คนย่อมมีทั้งนิสัยดีและไม่ดี
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนแก้วเปล่า นิสัยดีคือน้ำดื่มใสเย็น นิสัยเสียคือน้ำเน่าสีคล้ำ
หากเรามีนิสัยเสียมากกว่านิสัยดีมาก ก็เหมือนแก้วที่มีแต่น้ำเน่าอยู่เต็มเปี่ยม
เป็นชีวิตที่มีแต่สิ่งดำมืด หาประโยชน์มิได้
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ลดละเลิก นิสัยไม่ดีให้มากที่สุด
ปัญหาคือนิสัยเสียมักเกาะติดเราเหมือนเงาตามตัว
แม้รู้ว่านิสัยที่ไม่ดี แต่การสลัดมันออกไป ก็ไม่ง่าย
ผมเองก็เคยประสบปัญหานี้มาก่อน
ในอดีต ผมตั้งใจเปลี่ยนนิสัยจากฟุ่มเฟื อยเป็นประหยัด เพื่อมีเงินเหลือมาลงทุน
แต่ผลคือผมล้มเหลวในการเปลี่ยนน ิสัยแบบไม่เป็นท่า
ผมจีงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมการเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ จึงยากเย็นนัก
เพื่อแก้ปัญหา ผมหาข้อมูลเรื่องจิตวิทยา สมอง และจิตใต้สำนึก
ในที่สุดผมก็รู้ “หลักการและวิธีการ" บอกลานิสัยไม่ดีแบบถาวร
ผมเหมือนตายแล้วเกิดเป็นคนใหม่ นิสัยดีกว่าเดิม
จึงขออนุญาตแชร์ในบทนี้
ซึ่งผมเชื่อสุดหัวใจว่า หากอ่านบทนี้จบ
คุณเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัย ไม่ดีได้เช่นกัน
**นิสัยไม่ดีมาจากไหน**
นิสัยไม่ดีเกิดขึ้นอย่างไร ต้องเข้าใจ2เรื่อง
คือ 1.จิตวิทยา 2.การกระทำ
เรื่องแรกจิตวิทยา จิตคนเรามี2ระดับคือจิตสำนึกและ จิตใต้สำนึก
จิตสำนึกทำหน้าที่ “รู้ตัวและคิด” เช่นเจอทางแยก
จิตสำนึกทำให้รู้ตัวว่าถึงแยกแล ะคิดว่าจะไปซ้ายหรือขวา
หรือเมื่อเข้าศูนย์อาหาร จิตสำนึกทำให้รู้ว่าอยู่ร้านข้า ว
และคิดว่าสั่งข้าวหรือก๋วยเตี๋ย ว
ส่วนจิตใต้สำนึกเปรียบเสมือนฮาร ์ดดิสก์ที่เก็บ“ความทรงจำและควา มรู้สึก”
เช่นความทรงจำดีหรือแย่กับบางสิ ่ง
ความรู้สึกสุขหรือทุกข์ที่เกิดจ ากประสบการณ์ชีวิต
ฯลฯ
ซึ่งข้อมูลในจิตใต้สำนึกสำคัญมา ก
เพราะคนนำสิ่งนี้แสดงออกเป็นการ กระทำ
หากอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องปลูกนิสัยแห่งความสำเร็จ เช่น ขยัน อดทน สร้างสรรค์ ให้งอกงาม ฉันนั้น
อยางไรก็ตาม มีสักกี่คน ที่เกิดมามีแต่นิสัยแห่งความสำเร็จอย่างเดียว
ในโลกแห่งความจริง คนย่อมมีทั้งนิสัยดีและไม่ดี
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนแก้วเปล่า นิสัยดีคือน้ำดื่มใสเย็น นิสัยเสียคือน้ำเน่าสีคล้ำ
หากเรามีนิสัยเสียมากกว่านิสัยดีมาก ก็เหมือนแก้วที่มีแต่น้ำเน่าอยู่เต็มเปี่ยม
เป็นชีวิตที่มีแต่สิ่งดำมืด หาประโยชน์มิได้
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ลดละเลิก นิสัยไม่ดีให้มากที่สุด
ปัญหาคือนิสัยเสียมักเกาะติดเราเหมือนเงาตามตัว
แม้รู้ว่านิสัยที่ไม่ดี แต่การสลัดมันออกไป ก็ไม่ง่าย
ผมเองก็เคยประสบปัญหานี้มาก่อน
ในอดีต ผมตั้งใจเปลี่ยนนิสัยจากฟุ่มเฟื
แต่ผลคือผมล้มเหลวในการเปลี่ยนน
ผมจีงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมการเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ จึงยากเย็นนัก
เพื่อแก้ปัญหา ผมหาข้อมูลเรื่องจิตวิทยา สมอง และจิตใต้สำนึก
ในที่สุดผมก็รู้ “หลักการและวิธีการ" บอกลานิสัยไม่ดีแบบถาวร
ผมเหมือนตายแล้วเกิดเป็นคนใหม่ นิสัยดีกว่าเดิม
จึงขออนุญาตแชร์ในบทนี้
ซึ่งผมเชื่อสุดหัวใจว่า หากอ่านบทนี้จบ
คุณเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัย
**นิสัยไม่ดีมาจากไหน**
นิสัยไม่ดีเกิดขึ้นอย่างไร ต้องเข้าใจ2เรื่อง
คือ 1.จิตวิทยา 2.การกระทำ
เรื่องแรกจิตวิทยา จิตคนเรามี2ระดับคือจิตสำนึกและ
จิตสำนึกทำหน้าที่ “รู้ตัวและคิด” เช่นเจอทางแยก
จิตสำนึกทำให้รู้ตัวว่าถึงแยกแล
หรือเมื่อเข้าศูนย์อาหาร จิตสำนึกทำให้รู้ว่าอยู่ร้านข้า
และคิดว่าสั่งข้าวหรือก๋วยเตี๋ย
ส่วนจิตใต้สำนึกเปรียบเสมือนฮาร
เช่นความทรงจำดีหรือแย่กับบางสิ
ความรู้สึกสุขหรือทุกข์ที่เกิดจ
ซึ่งข้อมูลในจิตใต้สำนึกสำคัญมา
เพราะคนนำสิ่งนี้แสดงออกเป็นการ
เมื่อเจอสิ่งรอบตัว
จิตสำนึกจะทำตัวเป็นSearch engine
ไปค้นข้อมูลในจิตใต้สำนึก และนำข้อมูลนั้นมาปฎิบัติ
ไปค้นข้อมูลในจิตใต้สำนึก และนำข้อมูลนั้นมาปฎิบัติ
ตัวอย่างเช่น เรามีข้อมูลในจิตใต้สำนึกเกี่ยว
เมื่อเจอเนื้อ เราก็ไม่กิน เพราะข้อมูลในจิตใต้สำนึกสั่งให
ข้อมูลในจิตใต้สำนึกนี้แหละคือส าเหตุของนิสัยไม่ดีของเรา
เพราะหากมีแต่ข้อมูลไม่ดี เช่น ฟุ่มเฟือย กินเก่ง ขี้เกียจ ตื่นสาย โมโหร้าย
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจิตสำนึกเรี ยกมาปฎิบัติ
นานเข้าก็เคยชิน เกิดเป็นนิสัย
กลายเป็นโซ่ตรวนรั้งเราให้จมปลั กอยู่กับสิ่งแย่ๆ
ชีวิตจึงไม่ก้าวหน้า เป็นทุกข์ ขาดแคลนสุข
เพราะหากมีแต่ข้อมูลไม่ดี เช่น ฟุ่มเฟือย กินเก่ง ขี้เกียจ ตื่นสาย โมโหร้าย
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจิตสำนึกเรี
กลายเป็นโซ่ตรวนรั้งเราให้จมปลั
ชีวิตจึงไม่ก้าวหน้า เป็นทุกข์ ขาดแคลนสุข
**วิธีเปลี่ยนแปลงข้อมูลจิตใต้ส ำนึก**
จิตใต้สำนึกเก็บข้อมูลเหมือนฮาร
นั่นคือ ลบไฟล์ขยะทิ้ง เขียนข้อมูลใหม่แทน
ต่อไปนี้คือ 5 วีธีเปลี่ยนข้อมูลจิ
1. หาเวลา 1 ชั่วโมงก่อนนอน
เพราะก่อนนอน เป็นเวลาที่คลื่นสมองต่ำ
คือช่วงที่จิตใต้สำนึกบันทึกข้อ
2. 30 นาทีแรก ทำสิ่งทีมี่สุข เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง
ฟังเพลง เหยียดแข้งขา ผ่อนคลาย
เพื่อพร้อมต่อการใส่ “สิ่งดี” ในจิตใต้สำนึก
ต้องล้างความเครียด วิตก กังวล ขยะความคิดที่ตกค้างมาทั้งวันก่
3. 30 นาทีต่อมา หลับตา จินตนาการเห็นสิ่งที่คุณอยากเป็นในแบบ “พบ ทำ สุข”
ตัวอย่างเช่น อยากเลิกใช้เงินเก่ง จินตนาการว่าเจอสิ่งฟุ่มเฟือย(พ
คุณไม่ซื้อและมีเงินเหลือ(ทำ) แล้วเกิดสุข (สุข)
คิดแบบนี้อย่างน้อย 10 ครั้งต่อวัน จากนั้นเข้านอน
เคล็บลับคือ คุณต้อง “รู้สึกสุข” จริงๆ ไม่ใช่จินตนาการแต่รู้สึกเฉยๆ
จงรู้สึกเป็นสุขเหมือนช่วงเวลาด
เช่นเอ็นทรานติด สมหวังในรัก เลื่อนตำแหน่ง พบเจอคนรักที่ห่างกันนาน
เพราะความรู้สึกสุขจะฝังลงจิตใต
ในชีวิตจริง เมื่อเจอของฟุ่มเฟือย
จิตสำนึกจะไปค้นเจอข้อมูลว่า “ไม่ซื้อแล้วสุข”
มนุษย์มักทำสิ่งที่ทำให้เกิดสุข
เราจึงมีแนวโน้มจะไม่ซื้อโดยอัต
นี่แหละ คือการเปลี่ยนนิสัยไม่ดีของคุณ
4. เมื่อตื่น ตั้งเป้าว่า วันนี้จะทำบางสิ่ง
ที่สอดคล้องกับการเป็นคนใหม่ที่
เช่น อยากใช้จ่ายประหยัด จงเขียนว่า "วันนี้ฉันจะลดกาแฟ 1 แก้ว
ฉันประหยัดเงิน 30 บาท"
5. ทำสิ่งที่เขียนไว้ เมื่อทำสำเร็จ พูดกับตัวเองในใจว่า
“ฉันเป็นคนใหม่ ฉันมีความสุข” แล้วรู้สึกสุขจริงๆ
เหมือนที่คิดตอนก่อนนอน
เมื่อทำแบบนี้ครบ 30 วัน คุณจะมีนิสัยใหม่
โดยคุณสามารถใช้วีธีนี้เปลี่ยนท
เช่น กินเก่ง ตื่นสาย ขี้เกียจ อะไรก็ได้ที่อยากให้ดีขึ้น
ดัดแปลงแค่รายละเอียด วิธีการเหมือนเดิมครับ
**เคล็บลับ 2 ประการในการเปลี่ยนนิสัย**
1. ทำทีละอย่าง
หากคุณมีนิสัยเสีย 10 อย่าง จงเปลี่ยนทีละหนึ่ง
หากคุณเปลี่ยนนิสัยเสีย 10 อย่างพร้อมกัน
นั่นคือหนทางสมบูรณ์แบบสู่ความล
ตอนเริ่มต้นเปลี่ยนนิสัย ผมตั้งใจเปลี่ยน 5 นิสัยเสียพร้อมกัน
คือ ฟุ่มเฟือย ตื่นสาย ขี้เกียจ สมาธิสั้น ชอบกินอาหารขยะ
สิ่งที่เกิดคือ เวลาไม่พอสำหรับทำทุกสิ่ง
เมื่อเราพยายามยัดเยียดทำทุกอย่
ก็เหมือนยัดหนังสือทั้งห้องสมุด
เป็นการเพิ่มความซับซ้อนและเครี
สุดท้ายผมยกธงขาว ยอมแพ้โดยไม่เปลี่ยนนิสัยเสียแม
ผมเปลี่ยนวิธีใหม่ โดยจดจ่อกับการเปลี่ยนนิสัยเสีย
เริ่มจาก “เลิกฟุ่มเฟือย” เพราะจะเหลือเงินมาลงทุน
ขยับใกล้เป้าหมายชีวิตคือเป็นนั
ทำทีละอย่างทำให้พุ่งสมาธิทำตาม
ไม่มีหลายสิ่งมากวนใจ ปฎิบัติมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในที่สุด ผ่านไป 7 เดือน ผมเลิกฟุ่มเฟือยถาวร
เป็นคนประหยัด อดออม มีเงินเหลือ
ผมลงมือเปลี่ยนนิสัยเสียที่เหลื
จนผมเลิกนิสัยขี้เกียจ กับ สมาธิสั้นได้ถาวร
ซึ่งคงไม่มีวันเกิดขึ้น หากยังฝืนเปลี่ยนนิสัยไม่ดีหลาย
ขอให้เชื่อผมในเรื่องนี้ เพราะผมมีประสบการณ์มาแล้วหลายค
ถ้าเปลี่ยนนิสัยทีละอย่าง โอกาสสำเร็จจะมีถึง 60-80 %
ซึ่งดีกว่าเปลี่ยนนิสัยเสีย 10 อย่างพร้อมกัน แล้วล้มเหลว 100 % เป็นไหนๆ
2. ทำทีละน้อย
เคล็บลับของการเริ่มเปลี่ยนนิสั
เรย์มอนด์ แอรอน เป็นชาวแคนนาดา
คือผู้เชี่ยวชาญการอบรม เรื่องตั้งเป้าหมายและเพิ่มรายไ
และเป็นผู้ปลูกฝังนิสัยเศรษฐีพั
เขาสังเกตุว่าคนส่วนใหญ่ที่ล้มเ
มักทำแบบ “เปลี่ยนแปลงฉับพลัน”
ตัวอย่างเช่น ตั้งเป้ามีเงินเก็บเดือนละ 1 หมื่น
จากไม่เคยเก็บเงินเลย ก็เก็บเดือนละ 1 หมื่นทันที
หรือจะลดน้ำหนักเดือนละ 5 โล ก็จะลด 5 โลทันที
คนทำแบบนี้ 95% จะล้มเหลว เพราะเป็นการเปลี่ยนแบบหักดิบ
ทำยาก โอกาสล้มเหลวสูง
เรยมอนด์จึงบอกผู้อบรมว่า จงเริ่มให้น้อยกว่าเป้าหมาย
เช่น ตั้งเป้ามีเงินเกิบเดือนละ 10,000 ให้เริ่มเก็บแค่ 2,000
เมื่อเก็บเงิน 2,000 ได้ต่อเนื่องจนนิสัย
ให้ขยับเป็น 4,000 6,000 จนครบ 10,000
เมื่อใช้วิธีนี้ ผลคือ 80% ของผู้อบรม เก็บเงินได้ 10,000 จริงๆ
การตั้งเป้าหมายทำทีละน้อย มีข้อดีหลายอย่าง
เพราะยิ่งน้อยเท่าไหร่ ยิ่งสำเร็จง่ายเท่านั้น
มีกำลังใจก้าวไปพิชิตเป้าหมายที
จริงอยู่ความสำเร็จเล็กน้อยอาจไ
แต่จะเป็นแบบนี้แค่ช่วงแรกเท่าน
ถ้าคุณเริ่มสะสมความสำเร็จเล็กๆ
สุดท้ายมันจะรวมเป็นความสำเร็จท
และคุณจะทะยานสู่เป้าหมาย คือเปลี่ยนนิสัยสำเร็จในที่สุด
**รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน**
ผมขอสรุปด้วยประสบการณ์ผมเอง เพื่อให้ท่านเห็นภาพและนำใช้งานได้จริง
ผมเลือกนิสัย"ฟุ่มเฟือย" มาเปลี่ยน
โดยเป้าหมายใหญ่คือ ออมเดินละ 5000 บาท
แต่ผมเริ่มให้น้อย คือ ตั้งเป้าลดกาแฟวันละแก้ว(จากเดิมกินวันละ 2)
ซึ่งจะประหยัดเดือนละ 600 บาท
ก่อนเข้านอน ผมก็จินตนาการว่า เจอกาแฟ ไม่กิน สุขใจ
ตื่นเช้าเขียนเป็นตัวอักษร และกินกาแฟวันละแก้ว
ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหมครับ ก็แค่ลดกาแฟ มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย
แต่ผมล้มเหลวครับ ผมกลับไปกิน 2 แก้ว หลังทำได้แค่ 7 วันเท่านั้น
ประสบการณ์ทำให้ผมซึ้งคำว่า "ทำจากเล็กไปใหญ่"
เพราะถ้าเล็กยังไม่สำเร็จ จะทำการใหญ่ได้อย่างไร
ผมเริ่มใหม่ ครั้งนี้ทำได้ 20 วัน แล้วล้มอีก
แต่ครั้งนี้ มีบางอย่างเกิดขึ้น
ความรู้สึกไม่กินแล้วสุข เริ่มผุดในหัวอัตโนมัติ เหมือนในทฤษฎี
ผมเกิดกำลังใจว่า ถูกทางแล้ว
ครั้งที่ 3 ผมทำได้ 30 วัน
และครั้งที่ 4 ผมก็เลิกกินกาแฟวันละ 2 แก้วโดยถาวร
นี้คือ ความสำเร็จเล็กๆ ครั้งแรกของผม
ผมใช้วิธีเดิม ขยายเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้น
ลดเหล้าให้น้อยลง เลิกกินเหล้า เลิกเที่ยว เก็บเงินเดือนละ 1000
ก้าวทีละน้อย แต่ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ในที่สุด ผ่านไป 7 เดือน จากคนฟุ่มเฟือย
กลายเป็นคนอดออม ประหยัด มีเก็บเงินเดือนละ 5000 ได้สำเร็จ
เราเปลี่ยนนิสัยไม่ดีได้ โดยเปลี่ยนข้อมูลในจิตใต้สำนึกใ
ด้วยการจิตนาการคนที่คุณอยากเป็
เมื่อเสริมด้วยการทำทีละอย่าง และเริ่มทีละน้อย
คุณก็สามารถเปลี่ยนนิสัยคุณได้ค
ขอบพระคุณครับ
สนับสนุนการเรียนรู้ Google Adword โดย SearchMonopoly
ผมเป็นคนสมาธิสั้นเหมือนกันครับ
ตอบลบอาการเช่น เวลาที่ตั้งใจจะอ่านหนังสือหรือบทความที่มีสาระความรู้ต่างๆได้สักพัก
จิตใจก็ชอบลอยไปคิดเรื่องอื่นอยู่เรื่อย
พอรู้ตัวอีกทีก็อ่านผ่านไปแล้วแทบไม่ได้ความรู้อะไรเลย
อยากรบกวนให้พี่ช่วยแนะนำวิธีแก้สมาธิสั้นของพี่หน่อยครับ
ขอบคุณครับ
ผมขออนุญาตเล่าประสบการณ์การเปลี่ยนนิสัยสมาธิสั้นของผม
ลบ1. ตั้งเป้าหมายใหญ่ มีสมาธิอ่านหนังสือต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง
2. เริ่มให้น้อย คือ อ่านหนังสือต่อเนื่อง 15 นาที
3. ก่อนนอน จิตนาการว่า อ่านหนังสือมีสมาธิ 15 นาที ได้ความรู้มากมาย สุขใจเหมือนขึ้นสวรรค์
4. ตื่นเช้า เขียนว่า จะอ่านหนังสือหุ้นให้มีสมาธิ 15 นาที มากกว่านี้คือกำไร แล้วอ่าน
ผลคือ วันแรกก็ล้มเหลวแล้ว คือ สมาธิสั้นเหมือนเดิม
วิธีแก้คือ อย่าหยุดครับ แค่ทำขั้นตอน 1-4 ต่อไป
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมมีสมาธิ 15 นาที ติดต่อกัน 3 วัน แล้วกลับไปสมาธิแตกซ่าน
ผ่านไป 2 สัปดาห์ ทำได้ติดต่อกัน 7 วัน
ผ่านไป 1 เดือน ผมทำได้ติดต่อกัน 15 วัน
ผ่านไป 45 วัน อ่านหนังสือ 15 นาที ก็เป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว
Key Success
1. ทำ 1-4 ต่อเนื่อง
2. ถ้าล้มเหลว อย่าตำหนิตัวเอง
ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็เป็นกัน
สิ่งสำคัญคือฝึกฝนไปเรื่อยๆ
เพราะวิธีนี้ไม่เสียเงิน อย่างมากคุณก็กลับไปที่เดิม
จึงไม่มีอะไรเสียอยู่แล้ว มีแต่ดีขึ้น ก้าวหน้าขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้น
แต่เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณทำ 1-4 ต่อเนื่องสัก 30 วัน
จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งกับตัวเอง
เพราะผมมีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง
และทำให้คุณมีกำลังใจก้าวต่อไป
สุดท้ายคุณจะเปลี่ยนนิสัยได้อย่างแน่นอนครับ ^^
ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ ผมจะนำไปปรับใช้ดูครับ
ลบขอบคุณมากค่ะ ^^
ตอบลบ